วันพุธที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2568

ข้อสอบพรรณนาโวหาร

     ยังจำกันได้ไหมคะ ว่า การเขียนพรรณนาโวหาร มีลักษณะอย่างไร

    วันนี้เรามาทบทวนความรู้เกี่ยวกับพรรณนาโวหาร กันสักเล็กน้อย ก่อนที่จะลองทำข้อสอบพรรณนาโวหารกันโดยเฉพาะเลยค่ะ

    พรรณนาโวหาร คือ โวหารที่ใช้กล่าวถึงเรื่องราว สถานที่ บุคคล สิ่งของ หรืออารมณ์อย่างละเอียด   สอดแทรกอารมณ์    ความรู้สึกลงไปเพื่อโน้มน้าวใจ   ให้ผู้รับสารเกิดภาพพจน์  เกิดอารมณ์คล้อยตามไปด้วย  ใช้ในการพูดโน้มน้าว อารมณ์ของผู้ฟัง  หรือเขียนสดุดี   ชมเมือง ชมความงามของบุคคล  สถานที่และแสดงอารมณ์ความรู้สึกต่าง ๆ  เป็นต้น

    พรรณนาโวหาร มักจะพบในนิยาย และใช้ถ้อยคำที่สวยงาม  หรูหรา  เป็นการเปรียบเทียบกับสิ่งต่าง ๆ ทำให้ผู้อ่านเห็นรายละเอียดของภาพชัดเจนมากขึ้น เหมือนกับเราถ่ายภาพแล้วซูมภาพเข้าไปใกล้ ๆ เพื่อให้เห็นรายละเอียดอย่างชัดเจน และภาษาที่ใช้พรรณนาจะไม่ใช้พูดคุยกันในชีวิตประจำวัน

มาดูตัวอย่าง การใช้พรรณนาโวหารกันจ้า

            "ดวงจันทร์บนท้องนภากลมโตราวกับจานกลมอันใหญ่  เมฆขาวดังเส้นด้ายลอยล่องซ่อนเร้นกึ่งหนึ่งของดวงเดือน  สงบเงียบเยือกเย็น  สาดสะท้อนทะเลสาบอันกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา"

            "ทะเลสาบอันกว้างไกล คลื่นน้ำรวดเร็วดังคลื่นทะเล ระลอกคลื่นกระทบฝั่งดังครืนครืน  ห่างจากชายฝั่งทะเลสาบไปไม่ไกลเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่มีดอกสีม่วงอ่อนบานสะพรั่ง  ลำต้นดังเหมย  กิ่งก้านคดเคี้ยว  ดอกที่กำลังผลิบานมีขนาดเท่ากับดอกท้อ รวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนที่ปลายกิ่ง  ยามเมื่อลมพัด  กลีบดอกปลิวลอยล่อง  ร่วงหล่นใต้ต้นไม้ พัดไปตามชายฝั่งทะเลสาบ  ปลิดปลิวกระจัดกระจายดังสายฝนกลีบดอกไม้  ทิวทัศน์ช่างงดงามเหลือเกิน"  (ตัดข้อความมาจากนวนิยายจีน เรื่อง ลำนำบุปผาพิษ ของ มู่ตานเฟิง)

            ตัวอย่างทั้งสองข้อความนี้ เป็นบทชมความงามของธรรมชาติที่คนทั่วไปไม่ได้ใช้พูดในชีวิตประจำวัน เพราะค่อนข้างเยิ่นเย้อ มีคำเปรียบเทียบค่อนข้างมาก   จึงมักใช้ในการแต่งนิยายเป็นส่วนใหญ่

  ดูตัวอย่าง พรรณนาโวหารแล้ว   มาลองทำข้อสอบกันดูเลยค่ะ

๑.ข้อใดเป็นการเขียนพรรณนา

    ๑.หนังสือวรรณกรรมเยาวชนที่สร้างแรงบันดาลใจให้ฉันชอบอ่านหนังสือมี ๒ เล่ม คือ ต้นส้มแสนรัก และโต๊ะโตะจัง  เด็กหญิงข้างหน้าต่าง

    ๒.ป้ายชื่อของบ้านหนังสือทาสีแดงสดใสและตัวหนังสือสีขาวสะอาดเข้ากับประตูรั้วบ้านที่มีรูปหนังสือเรียงรายงดงามตระการตายิ่งนัก

    ๓.ผลงานที่เด็กภาคภูมิใจมากคือ การทำหน้ากากด้วยกระดาษเป็นรูปต่าง ๆ ลงสีตามจินตนาการ แล้วเจาะรูด้านข้าง สอดยางหนังสติ๊กคล้องหู

    ๔.บ้านของฉันเป็นบ้านโบราณครึ่งไม่ครึ่งตึกติดกับถนนใหญ่ มีสวนหลังบ้าน มีรั้วรอบบ้าน ด้านข้างบ้านเป็นคลอง มีชาวบ้านพายเรือขายของในคลอง

๒.ข้อใดเป็นการเขียนพรรณนา

    ๑.จามจุรีเป็นไม้ยืนต้นที่มีกิ่งก้านสาขาแผ่กว้างประดุจร่มขนาดใหญ่ให้ร่มเงาและความร่มเย็นสดชื่น

    ๒.กะเพรามีสรรพคุณช่วยลดอาการจุกเสียดแน่นท้อง ช่วยป้องกันโรคมะเร็งและโรคหัวใจขาดเลือดได้

    ๓.แคคตัสเป็นพืชที่อยู่ในกลุ่มของไม้อวบน้ำ สามารถเก็บน้ำหรือความชื้นไว้ในส่วนต่าง ๆ ของลำต้น    ได้ดี

    ๔.การตัดแต่งกิ่งไม้พุ่มออกไปบ้างจะทำให้สัดส่วนของอาหารที่สะสมในต้นไม้เหมาะกับการออกดอกออกผล

๓.ข้อใดเป็นการเขียนพรรณนา

    ๑.คณะกรรมการพิจารณาให้มีการสร้างอาคารเรียนใหม่ เพื่อใช้รองรับการจัดห้องเรียนวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์

    ๒.หญ้าสีเขียวเข้มมรกตในสนามกำลังพลิ้วสะบัดตามแรงลม โดยมีเหล่าฝูงนกบินหลงชมมา  เริงเล่นในพุ่มหญ้าอย่างสนุกสนานเบิกบานใจ

    ๓.เหล่าผู้คนต่างพากันรีบย้ายออกจากเมืองนี้ หลังมีการประกาศว่า พบผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโรคระบาดจำนวนหลายร้อยคน

    ๔.อากาศช่วงนี้ค่อนข้างเย็นสบาย เนื่องจากลมตะวันออกเฉียงเหนือได้พัดพาความเย็นจากประเทศจีนมาสู่ประเทศไทย

๔.ข้อใดเป็นพรรณนาโวหาร

    ๑.วัดโบราณแลตะคุ่ม ๆ อยู่ในบรรยากาศที่ขมุกขมัว  พระวิหารหลวงดูสง่าสงบทึมทึบด้วยม่านฝนอยู่เนิ่นนาน

    ๒.หมู่บ้านอันไกลโพ้นมีวัดโบราณอยู่ในใจกลางหมู่บ้าน ถึงงานบุญใหญ่ ชาวบ้านต่างพากันเดินทางจากบ้านใกล้เคียงเพื่อมาร่วมทำบุญ

    ๓.เมืองสามท้าวปรากฏเรื่องราวในตำนานเก่าที่จารไว้ในคัมภีร์ใบลาน ว่าอยู่ไกลไปในหุบเขาห่างไกล อันชนเผ่าไม่เคยเข้าไปถึง

    ๔.เมืองอันใหญ่กว้างเป็นที่ตั้งของอารามในพระพุทธศาสนาฝ่ายอรัญวาสี เป็นแหล่งศึกษาพระไตรปิฎกสำหรับภิกษุจากเมืองใกล้เคียง

๕.  คำประพันธ์บาทใดใช้พรรณนาโวหาร

    ๑.  บาทที่ ๑   ปางเสด็จประเวศด้าว        ชลาลัย

    ๒.  บาทที่ ๒   ทรงรัตนพิมานชัย            กิ่งแก้ว

    ๓.  บาทที่ ๓   พรั่งพร้อมพวกพลไกร     แหนแห่

    ๔.  บาทที่ ๔  เรือกระบวนต้นแพร้ว        เพริศพริ้งพายทอง

๖. ข้อความบาทใดใช้พรรณนาโวหารด้วยวิธีเปรียบเทียบ

    บาทที่ ๑)   ลำพูดูหิ่งห้อย                     พรอยพราย

    บาทที่ ๒)  เหมือนเม็ดเพชรัตน์ราย     รอบก้อย

    บาทที่ ๓)  วับวับจับเนตรสาย               สวาทสบ   เนตรเอย

    บาทที่ ๔)  วับเช่นเห็นหิ่งห้อย               หับหม้านนานเห็น

       (หับ  หมายถึง  ปิด, งับ  /  หม้าน  เป็นคำโทโทษของคำว่า  ม่าน)

    ๑. บาทที่ ๑)  และบาทที่ ๓)

    ๒. บาทที่ ๑)  และบาทที่ ๔)

    ๓. บาทที่ ๒)  และบาทที่ ๓)

    ๔. บาทที่ ๒)  และบาทที่ ๔)


เฉลยจ้า

 ๑. ตอบข้อ ๒ เพราะสังเกตจากคำว่า "รูปหนังสือเรียงรายงดงามตระการตายิ่งนัก" ทำให้มองเห็นรายละเอียดได้ชัดเจน

 ๒. ตอบข้อ ๑ เพราะสังเกตจากคำว่า ประดุจร่มขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นการใช้อุปมาโวหารเปรียบเทียบ

๓. ตอบข้อ ๒ สังเกตจากการใช้คำที่หรูหรา "หญ้าสีเขียวเข้มมรกตในสนามกำลังพลิ้วสะบัดตามแรงลม"  มักเป็นคำที่พบในนิยายมากกว่าในชีวิตจริง

๔. ตอบข้อ ๑ สังเกตจากคำว่า "วัดโบราณแลตะคุ่ม ๆ อยู่ในบรรยากาศที่ขมุกขมัว  พระวิหารหลวงดูสง่าสงบทึมทึบด้วยม่านฝนอยู่เนิ่นนาน"   ส่วนข้ออื่น ๆ เป็นการใช้บรรยายโวหาร

๕. ตอบข้อ  ๔  เพราะมีการใช้คำว่า แพร้วเพริศพริ้ง  ซึ่งเป็นคำที่ไพเราะ แสดงความสวยงาม และเป็นคำที่ไม่ค่อยใช้ในการพูดประจำวัน

๖. ตอบข้อ ๔  คือ  บาทที่ ๒  มีคำว่า  "เหมือน"  และ บาทที่ ๔  มีคำว่า "เช่น" ซึ่งจากข้อความ มีความหมายว่า เหมือน

วันจันทร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2567

นารายณ์สิบปาง

    หากกล่าวถึงเทพเจ้าในศาสนาฮินดู หลายคนต้องนึกถึงพระอิศวร พระพรหมและพระนารายณ์ และเทพองค์อื่น ๆ อีกมากมาย  แต่วันนี้เราจะพูดถึงพระนารายณ์กันค่ะ
      พระนารายณ์ หรือพระวิษณุ เป็นเทพที่มีบทบาทในการปราบสิ่งชั่วร้ายต่างๆ เพื่อให้โลกสุขสงบ ซึ่งในการปราบสิ่งชั่วร้ายนั้น พระนารายณ์จะแบ่งภาคอวตารมายังโลกมนุษย์
     การอวตาร คือ การแบ่งภาคมาเกิดในโลกมนุษย์ของเทพเจ้า โดยเทพจะแบ่งพลังงานส่วนหนึ่งลงมาเกิดเป็นมนุษย์หรือสัตว์ เพื่อทำหน้าที่อย่างใดอย่างหนึ่งเมื่อโลกเดือดร้อนตามความเชื่อของศาสนาฮินดู
       การอวตารมาปราบยุคเข็ญของพระนารายณ์นั้น มีอยู่ 10 ปางด้วยกัน เรียกว่า ทศาวตาร หรือ  นารายณ์สิบปาง  ดังนี้    
     ปางที่ 1 มัตสยาวตาร  เป็นการอวตารลงมาเป็นปลาศะผะริ เพื่อฆ่าอสูรหัยครีพ ผู้ลักพระเวทของพระพรหม  แล้วปลาศะผะริก็ได้นำพระเวทมาคืนพระพรหม
     ปางที่ 2  กูรมาวตาร   เป็นการอวตารมาเป็นเต่าใหญ่ไปรองรับข้างใต้ภูเขามันทรที่เทวดาใช้กวนน้ำทิพย์ เพราะเกรงว่าเขามันทรจะเจาะโลกลึกจนโลกทลาย
     ปางที่ 3 วราหาวตาร  เป็นการอวตารลงมาเป็นหมูเพื่อปราบหิรัณตยักษ์ผู้ม้วนแผ่นดิน
     ปางที่ 4 นรสิงหาวตาร  เป็นการอวตารลงมาเป็นนรสิงห์เพื่อปราบหิรัณยกศิปุยักษ์ซึ่งแย่งสวรรค์ของพระอินทร์
     ปางที่ 5 วามนาวตาร  เป็นการอวตารลงมาเป็นพราหมณ์เตี้ย ทำอุบายแย่งโลกและสวรรค์จากท้าวพลีพญาแทตย์และมอบบาดาลให้แก่ท้าวพลีครอบครอง
     ปางที่ 6  ปรศุรามาวตาร  เป็นการอวตารลงมาเป็นพราหมณ์ชื่อ ราม (รามสูร)  เพื่อฆ่าอรชุน
     ปางที่ 7 รามจันทราวตาร  เป็นการอวตารลงมาเป็นพระรามตามเรื่องรามเกียรติ์
     ปางที่ 8 กฤษณาวตาร  เป็นการอวตารลงมาเป็นพระกฤษณะ เพื่อปราบยักษ์พญากงส์ตามเรื่องมหาภารตยุทธ์
     ปางที่ 9 พุทธาวตาร  เป็นการอวตารลงมาเป็นพระพุทธเจ้า คือ พระสิทธัตถกุมาร
     ปางที่ 10 กัลกยาวตาร  เป็นการอวตารลงมาเป็นบุรุษผิวขาวที่ชื่อ กัลลี  เพื่อปราบกลียุคซึ่งจะมาถึงในอนาคต
      นี่คือปางทั้ง 10 ของพระนารายณ์ที่ได้อวตารลงมาปราบยุคเข็ญในโลกมนุษย์เพื่อให้โลกสงบสุขนั่นเอง....

วันพฤหัสบดีที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2567

คำที่มีความหมายโดยตรงและความหมายโดยนัย

    คำที่เราใช้กันอยู่นั้น   มีหลายคำที่ไม่ได้มีแค่ความหมายเดียว  เราสามารถใช้ในความหมายอื่น นอกจากความหมายหลักก็ได้

     เรามาดูกันว่า ความหมายของคำ มีกี่แบบ  

แบบที่ 1 คำที่มีความหมายโดยตรง คือ คำที่มีความหมายตรงตามรูปคำ เป็นความหมายแรกที่ทุกคนรู้จัก เมื่อคำนั้นอยู่โดด ๆ ไม่มีคำแวดล้อม เป็นคำที่มีความหมายแรกในพจนานุกรม

เช่น  ลูกช้าง  หมายถึง  ลูกของช้าง

         เสือ    หมายถึง  เสือที่เป็นสัตว์

แบบที่ 2 คำที่มีความหมายโดยนัย คือ คำที่มีความหมายแฝงอยู่ ไม่ได้มีความหมายตรงตามรูปคำ  แต่ต้องใช้การตีความร่วมด้วย  มักมีความหมายเชิงสัญลักษณ์ หรือการเปรียบเทียบ และพบในวรรณคดีและการนำเสนอข่าวสารค่อนข้างมาก

เช่น  ลูกช้าง  หมายถึง คำสรรพนามแทนตัวผู้พูด เมื่อขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์

         เสือ  หมายถึง  โจร  เช่น  เสือผาดปล้นหมู่บ้าน 

       เมื่อเราได้ฟังหรืออ่านข้อความต่าง ๆ แล้วเราต้องตีความอีกว่า คำที่ใช้ในข้อความนั้นหมายถึงอะไร  เราต้องพิจารณาจากคำข้างเคียงของคำศัพท์นั้น ๆ เราจึงจะเข้าใจความหมายของข้อความได้ เช่น

    - ฉันถูกเขาตบตาเรื่องนี้มานานแล้ว   วันนี้ตาสว่างเสียที

   หมายถึง  ฉันถูกเขาหลอกลวงเรื่องนี้มานานแล้ว  วันนี้รู้ความจริงเสียที

   ไม่ได้หมายความว่า ฉันถูกทำร้ายร่างกาย โดยการถูกตบตีที่ดวงตาเพราะเรื่องนี้ 

ตัวอย่างคำที่มี ทั้งความหมายโดยตรงและความหมายโดยนัย

คำ - ความหมายโดยตรง / โดยนัย

เทพ - เทวดา / เก่งมาก

เซียน - เทวดา (จีน) /เก่งมาก

รากหญ้า - รากต้นหญ้า / คนส่วนใหญ่ที่ยากจน

ปูพรม - ปูพรมบนพื้น / กระจายกำลังค้นหาอย่างทั่วถึงทุกพื้นที่

มือขวา - มือข้างขวา / คนสนิทของเจ้านาย สามารถทำงานแทนเจ้านายได้

ซองขาว - ซองสีขาว / ถูกไล่ออกจากงาน

หิน - ก้อนหิน / ยาก, หนัก

วันทอง - นางวันทองคือชื่อตัวละครจากเรื่องขุนช้างขุนแผน / หญิงที่มีสามีหลายคน หรือหญิงหลายใจ  มากรัก

ตีนแมว - เท้าของแมว / โจรย่องเบา

พ่อพระ - พ่อของพระ / ผู้ชายที่ใจดีมาก

งูเห่า - งูที่มีพิษร้ายแรง / คนที่เลี้ยงไม่เชื่อง มักทำร้ายคนที่ให้ความช่วยเหลือตัวเอง

      คำเหล่านี้เป็นเพียงตัวอย่างเล็กน้อยเท่านั้น อย่างไรก็ตาม หากอยากรู้ว่าคำนั้นมีความหมายโดยตรงหรือความหมายโดยนัย  ต้องอ่านทั้งข้อความแล้วค่อยตีความความหมายของคำนั้นนะคะ  



วันพุธที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2567

บทอาขยาน จาก บทพากย์เอราวัณ

      "บทพากย์เอราวัณ" เป็นเนื้อหาส่วนหนึ่งในวรรณคดีเรื่อง รามเกียรติ์  ตอน ศึกอินทรชิต  ซึ่งเป็นการพรรณนาถึงความยิ่งใหญ่ และความสวยงาม ของช้างเอราวัณ 

       ช้างเอราวัณ เป็นช้างทรงของพระอินทร์  เมื่อพระอินทร์เสด็จไปในที่ต่าง ๆ เทพบุตรชื่อ "เอราวัณ" จะแปลงกายเป็นช้างเอราวัณ เพื่อเป็นเทพพาหนะให้กับพระอินทร์นั่นเอง

        เรามาดูความยิ่งใหญ่ของช้างเอราวัณ จากบทอาขยานต่อไปนี้เลยค่ะ

       อินทรชิตบิดเบือนกายิน      เหมือนองค์อมรินทร์

ทรงคชเอราวัณ

    ช้างนิรมิตฤทธิแรงแข็งขัน      เผือกผ่องผิวพรรณ

สีสังข์สะอาดโอฬาร์ 

    สามสิบสามเศียรโสภา       เศียรหนึ่งเจ็ดงา

ดังเพชรรัตน์รูจี

    งาหนึ่งเจ็ดโบกขรณี          สระหนึ่งย่อมมี 

เจ็ดกออุบลบันดาล

    กอหนึ่งเจ็ดดอกดวงมาลย์    ดอกหนึ่งแบ่งบาน

มีกลีบได้เจ็ดกลีบผกา            

    กลีบหนึ่งมีเทพธิดา          เจ็ดองค์โสภา

แน่งน้อยลำเพานงพาล

    นางหนึ่งย่อมมีบริวาร       อีกเจ็ดเยาวมาลย์

ล้วนรูปนิรมิตมารยา

    จับระบำรำร่ายส่ายหา      ชำเลืองหางตา

ทำทีดังเทพอัปสร

    มีวิมานแก้วงามบวร        ทุกเกศกุญชร   

ดังเวไขยันต์อมรินทร์

    ..........................................................


    

วันอังคารที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2566

เปลี่ยนคำพูด เปลี่ยนความรู้สึก

         เคยไหมที่เวลาที่เราได้ยินคำพูดบางคำหรือข้อความบางข้อความแล้วทำให้เรารู้สึกแย่และไม่อยากได้ยินจนถึงขั้นปิดกั้นการรับรู้ไปเลย  คำพูดเหล่านั้นถือว่าเป็นคำพูดที่มีพลังลบอย่างรุนแรง ส่งผลต่อผู้ฟังเป็นอย่างมาก  เราอาจเรียกคำพูดเหล่านั้นว่า Toxic  Words   (คำพูดเชิงลบ คำพูดที่เป็นพิษต่อคนฟัง)

        ถ้าเราเปลี่ยนคำพูดเหล่านั้นให้เป็นคำพูดที่มีพลังบวก คนฟังก็จะรู้สึกดีขึ้น และเปิดใจรับฟังมากขึ้น  ทำให้ลดแรงปะทะลงได้ค่อนข้างมาก

        ถึงเวลาที่เราควรมาฝึกพูดเสริมพลังบวกกันหรือยังคะ...?...

        เรามาลองเปลี่ยนข้อความต่อไปนี้ ให้เป็นข้อความที่มีพลังบวกกันค่ะ

๑. ทำงานได้แค่นี้เองเหรอ    

เปลี่ยนเป็น...เราอยากเห็นความก้าวหน้าของคุณไปอีกระดับ  ช่วยทำงานมาให้เราดูใหม่อีกทีนะ

๒. อย่าทำงานสะเพร่าอีกเด็ดขาด

เปลี่ยนเป็น...จะดีกว่ามั้ยถ้าเราทำจะตรวจสอบงานก่อนส่งต้นฉบับทุกครั้ง

๓. เธอจะทำได้เหรอ

เปลี่ยนเป็น....ฉันเชื่อว่าเธอทำได้แน่นอน / ฉันเชื่อนะ ว่าเธอทำได้แน่นอน

๔. เธอเป็นคนทำงานเก่งแต่ไม่รอบคอบ

เปลี่ยนเป็น...เธอเป็นคนทำงานเก่งนะ ทีนี้ถ้าเธอเช็ครายละเอียดอีกที จะทำให้งานออกมาดีแน่นอน

๕. กลุ่มนี้ทำผลงานออกมาดีแต่ยังไม่สวยนะ

เปลี่ยนเป็น....กลุ่มนี้ทำผลงานออกมาดีนะ  ทีนี้ถ้าเราเพิ่มการตกแต่งเพิ่มเติมอีกนิดหน่อย ก็จะทำให้ผลงานของเราดูดีขึ้นมากเลย

๖. อย่าวิ่งนะ

เปลี่ยนเป็น...เดินช้าลง  / ค่อย ๆ เดิน / เดินช้าแบบนี้  ถูกต้องค่ะ

๗. หยุด  อย่ากรี๊ดนะ

ลองเปลี่ยนเป็น...น้องเสียงเบากว่านี้ แล้วพี่จะมาคุยด้วย เพราะน้องเสียงดังแบบนี้ พี่ฟังไม่รู้เรื่อง

๘. ไม่ยากเลย ใคร ๆ ก็ทำได้

ลองเปลี่ยนเป็น...มา..เรามาตั้งใจกัน  ฉันเชื่อว่า เธอทำสิ่งที่ยากได้แน่นอนอยู่แล้ว

๙. ทำแบบนี้ดีกว่า

ลองเปลี่ยนเป็น...ขอคำปรึกษาหน่อยค่ะว่า...ทำแบบนี้ดีไหมคะ

๑๐. ดูเธอสิ  ผอมยังกะกุ้งแห้งเลย  กินเยอะ ๆ หน่อย

ลองเปลี่ยนเป็น...ช่วงนี้หุ่นเพรียวขึ้นนะ ถ้ามีกล้ามเนื้ออีกนิด ก็จะดูมีสุขภาพดีขึ้นนะ

    ลองฝึกใช้คำพูดเชิงบวกกันดูนะคะ  รักษาน้ำใจคนฟัง  ปังทุกข้อความค่ะ



วันเสาร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2566

ข้อสอบ คำเป็น คำตาย

 คำเป็น  คำตาย เป็นเรื่องที่มักจะใช้ออกข้อสอบวัดความสามารถด้านภาษาไทย  ก่อนทำข้อสอบ ไปทบทวน เคล็ดไม่ลับของคำเป็น - คำตาย ได้ที่นี่จ้า   https://kroomam.blogspot.com/2013/09/blog-post.html

 หากมั่นใจแล้ว   เรามาฝึกทำข้อสอบกันเลยจ้า

๑. "จงหยุดสูบบุหรี่  เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดตีบ" 

     ๑.๑.  ข้อความนี้  มีคำเป็น กี่พยางค์  

๑)  ๗ พยางค์        ๒) ๘  พยางค์       ๓) ๙ พยางค์       ๔) ๑๐ พยางค์        ๕) ๑๑ พยางค์

    ๑.๒  ข้อความในข้อ  ๑    มีคำตาย  กี่พยางค์ 

๑)  ๗ พยางค์        ๒) ๘  พยางค์       ๓) ๙ พยางค์       ๔) ๑๐ พยางค์        ๕) ๑๑ พยางค์


๒. "ป่าดิบชื้นมีอยู่ในภาคตะวันออกและภาคใต้ของประเทศไทย"

    ๒.๑ ข้อความนี้  มีคำเป็น กี่พยางค์  

๑)  ๗ พยางค์        ๒) ๘  พยางค์       ๓) ๙ พยางค์       ๔) ๑๐ พยางค์        ๕) ๑๑ พยางค์

    ๒.๒ ข้อความในข้อ  ๒    มีคำตาย  กี่พยางค์  (นับพยางค์ซ้ำ)

๑)  ๕ พยางค์        ๒) ๖  พยางค์       ๓) ๗ พยางค์       ๔) ๘ พยางค์        ๕) ๙ พยางค์


๓. "การเพิ่มห้องสมุดสาธารณะเป็นช่องทางหนึ่งที่จะช่วยให้คนอ่านหนังสือมากขึ้น"

     ๓.๑ ข้อความนี้  มีคำเป็น กี่พยางค์  

๑)  ๑๓ พยางค์        ๒) ๑๔  พยางค์       ๓) ๑๕ พยางค์       ๔) ๑๖ พยางค์      ๕) ๑๗ พยางค์

    ๓.๒ ข้อความในข้อ  ๓    มีคำตาย  กี่พยางค์  

๑)  ๓ พยางค์        ๒) ๔  พยางค์       ๓) ๕ พยางค์       ๔) ๖ พยางค์        ๕) ๗ พยางค์


๔. "อาการปวดประสาทจากโรคงูสวัดรุนแรงเพียงใด  คนที่ไม่เคยเป็นยากจะเข้าใจได้"

    ๔.๑ ข้อความนี้  มีคำเป็น กี่พยางค์  

๑)  ๑๔ พยางค์        ๒) ๑๕  พยางค์       ๓) ๑๖ พยางค์       ๔) ๑๗ พยางค์      ๕) ๑๘ พยางค์

    ๔.๒ ข้อความในข้อ  ๔    มีคำตาย  กี่พยางค์  

๑)  ๖ พยางค์        ๒) ๗  พยางค์       ๓) ๘ พยางค์       ๔) ๙ พยางค์        ๕) ๑๐ พยางค์


๕. "การผลิตทองรูปพรรณแบบโบราณ  ช่างจะใช้มือทำในเกือบทุกขั้นตอน"

    ๕.๑ ข้อความนี้  มีคำเป็น กี่พยางค์  

๑)  ๘ พยางค์        ๒) ๙  พยางค์       ๓) ๑๐ พยางค์       ๔) ๑๑ พยางค์      ๕) ๑๒ พยางค์

    ๕.๒ ข้อความในข้อ  ๔    มีคำตาย  กี่พยางค์  

๑)  ๕ พยางค์        ๒) ๖  พยางค์       ๓) ๗ พยางค์       ๔) ๘ พยางค์        ๕) ๙ พยางค์




เฉลยคำตอบ

ข้อ ๑  "จงหยุดสูบบุหรี่  เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดตีบ"

ข้อ ๑.๑ ตอบข้อ  ๓)   มีคำเป็น  ๙ พยางค์  ได้แก่คำว่า  จง / หรี่ /  เพื่อ / ความ / เสี่ยง / ใน / การ / หัว / ใจ 

ข้อ ๑.๒ ตอบข้อ ๔) มีคำตาย  ๑๐ พยางค์ ได้แก่คำว่า  หยุด / สูบ / บุ / ลด / เกิด / โรค / และ / หลอด / เลือด / ตีบ


ข้อ ๒  "ป่าดิบชื้นมีอยู่ในภาคตะวันออกและภาคใต้ของประเทศไทย"

ข้อ ๒.๑ ตอบข้อ  ๓)  มีคำเป็น  ๙ พยางค์  ได้แก่คำว่า ป่า / ชื้น / มี / อยู่ / ใน / วัน / ใต้ / ของ / ไทย

ข้อ ๒.๒ ตอบข้อ  ๔)   มีคำตาย  ๘ พยางค์  ได้แก่คำว่า  ดิบ / ภาค / ตะ / ออก / และ / ภาค / ประ / เทศ 


ข้อ ๓ "การเพิ่มห้องสมุดสาธารณะเป็นช่องทางหนึ่งที่จะช่วยให้คนอ่านหนังสือมากขึ้น"

ข้อ ๓.๑ ตอบข้อ  ๕)  มีคำเป็น  ๑๗ พยางค์  ได้แก่คำว่า  การ / เพิ่ม / ห้อง / สา / ธา / เป็น / ช่อง / ทาง / หนึ่ง / ที่ / ช่วย / ให้ / คน / อ่าน / หนัง / สือ / ขึ้น

ข้อ ๓.๒ ตอบข้อ  ๔)  มีคำตาย ๖ พยางค์  ได้แก่คำว่า  ส / มุด / ร / ณะ / จะ / มาก


ข้อ ๔  "อาการปวดประสาทจากโรคงูสวัดรุนแรงเพียงใด  คนที่ไม่เคยเป็นยากจะเข้าใจได้"

ข้อ ๔.๑ ตอบข้อ  ๒)  มีคำเป็น  ๑๕  พยางค์  ได้แก่คำว่า อา / การ / งู / รุน / แรง / เพียง / ใด / คน / ที่ / ไม่ / เคย / เป็น / เข้า / ใจ / ได้ 

ข้อ ๔.๒ ตอบข้อ  ๔)  มีคำตาย  ๔ พยางค์  ได้แก่  ปวด / ประ / สาท / จาก / โรค / ส / วัด / ยาก / จะ 


ข้อ ๕. "การผลิตทองรูปพรรณแบบโบราณ  ช่างจะใช้มือทำในเกือบทุกขั้นตอน"

ข้อ ๕.๑ ตอบข้อ  ๕)  มีคำเป็น  ๑๒  พยางค์  ได้แก่คำว่า  การ / ทอง / พรรณ / โบ / ราณ / ช่าง / ใช้ / มือ / ทำ / ใน /  ขั้น / ตอน

ข้อ ๕.๒  ตอบข้อ  ๔)  มีคำตาย  ๘ พยางค์  ได้แก่คำว่า  ผ / ลิต / รูป / ป / แบบ / จะ / เกือบ / ทุก 


วันเสาร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

รู้ภาษาถิ่นเหนือ แอ่วเหนือม่วนใจ๋

          ถึงฤดูหนาวทีไร หลาย ๆ คนก็อยากจะไปเที่ยวชมหมอกสวย ๆ ลมเย็น ๆ ที่ยอดดอยในภาคเหนือและถ้าโชคดีก็อาจเจอ เหมยขาบ  หรือที่เรียกว่าแม่คะนิ้ง ในภาษาถิ่นอีสานนั่นเอง

            "เหมยขาบ" คือ ละอองน้ำค้างที่กลายเป็นน้ำแข็งแผ่นบาง ๆ เกาะอยู่บนใบไม้ในเวลาที่อากาศหนาว  ซึ่งภาคกลางเรียกว่า "น้ำค้างแข็ง"


ที่มาของภาพ : https://www.sanook.com/news/7619294/


         ภาคเหนือ ก็จะมีภาษาถิ่นที่คนเหนือซึ่งเรียกตัวเองว่า "คนเมือง"  ใช้สื่อสารกันในท้องถิ่น เราเรียกว่า "ภาษาถิ่นเหนือ" หรือ "คำเมือง" หรือ "กำเมือง"  ก็เรียกได้จ้า
        
        วันนี้ก็เลยอยากพาทุกคนมาเรียนรู้ภาษาถิ่นเหนือ หรือ คำเมือง ที่คนเมืองเหนือใช้สื่อสารกันผ่านบทสนทนาระหว่าง คนเมือง กับ ล่าม ค่ะ  มาดูกันค่ะ...

        คนเมือง : วันนี้จะปาเปื้อน ๆ ไปแอ่วดอยกั๋นเน้อ
        ล่าม       :  วันนี้จะพาเพื่อน ๆ ไปเที่ยวภูเขากันนะ

        คนเมือง : จากนั้นหมู่เฮาจะปากั๋นไปกิ๋นน้ำเงี้ยวกับข้าวซอยของลำประจ๋ำตี้นี่เลยหนา
        ล่าม       : จากนั้นพวกเราจะพากันไปกินน้ำเงี้ยวกับข้าวซอยของอร่อยประจำที่นี่เลยนะ

        คนเมือง  : ต๋อนนี้ถ้ารถอยู่  แหมน้อยรถก็จะมาละ  
        ล่าม        :  ตอนนี้กำลังรอรถอยู่  อีกหน่อยรถก็จะมาแล้ว

        คนเมือง : รถมาแล้วคับ  จะปากันไปตี้ไหนพ่องน้อ
        ล่าม       :  รถมาแล้วครับ  จะพากันไปที่ไหนบ้างน้อ

        คนเมือง  : หมู่เฮาจะขึ้นดอย  ไปไหว้สาพระธาตุ แล้วก็จะไปแหมหลายตี้อยู่เจ้า
        ล่าม       :  พวกเราจะขึ้นไปภูเขา  ไปไหว้พระธาตุ แล้วก็จะไปอีกหลายที่ค่ะ

        คนเมือง   : เปื้อน ๆ ผ่อข้างตางหนา  พระธาตุอยู่ตางปุ๊น  วิวงามขนาด   งามแต๊งามว่า
        ล่าม        :  เพื่อน ๆ ดูข้างทางสิ         พระธาตุอยู่ทางนู้น  วิวสวยมาก     สวยจริง ๆ

        คนเมือง  :  ไผจะหาซื้อของไปฝากหมู่ ก็ย่างหาซื้อต๋ามร้านก๊าเลยเน้อ  เปิ้นบ่ไหวแล้ว  เจ็บขา
        ล่าม        :  ใครจะหาซื้อของไปฝากเพื่อน ก็เดินหาซื้อตามร้านค้าเลยนะ  ฉันไม่ไหวแล้ว  ปวดขา

        คนเมือง  :  วันนี้แดดแฮง  ถ้ามีจ้องติ๊ดตั๋วมาโตยก็น่าจะดีเนาะ
        ล่าม        :  วันนี้แดดแรง   ถ้ามีร่มติดตัวมาด้วยก็น่าจะดีนะ

        คนเมือง  :  ปิ๊กจากไหว้พระธาตุแล้ว     ก็อย่าลืมไปแวะกาด      ซื้อกำกิ๋นไปกิ๋นมะแลงตวยเน้อ
        ล่าม        :  กลับจากไหว้พระธาตุแล้ว  ก็อย่าลืมไปแวะตลาด    ซื้ออาหารไปกินตอนเย็นด้วยนะ

        คนเมือง  : วันนี้มาอู้กำเมืองหื้อหมู่ฟังเต้าอี้เน้อเจ้า  วันลูนจะมาอู้กำเมืองหื้อเปื้อน ๆ ได้ฟังกั๋นแหมเจ้า
        ล่าม        : วันนี้มาพูดคำเมืองให้เพื่อน ๆ ฟังเท่านี้นะคะ  วันหลังจะมาพูดคำเมืองให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกันอีกนะคะ

        คนเมือง   :  สวัสดีเจ้า
        ล่าม         :  สวัสดีค่ะ

    หมายเหตุ - ภาษาเหนือที่ใช้ในตัวอย่างนี้ อาจแตกต่างจากพื้นที่อื่น ๆ เล็กน้อย เนื่องจากแต่ละพื้นที่ย่อมมีคำและสำเนียงการอ่านที่แตกต่างกันบ้าง แต่ก็ยังสื่อสารกันได้และเข้าใจตรงกันจ้า
   


ปู่ม่านย่าม่าน (กระซิบรักบันลือโลก)  วัดภูมินทร์  อ.เมืองน่าน   จ.น่าน

ที่มาของภาพ : https://www.sanook.com/horoscope/127389/