วันจันทร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2565

ความเชื่อเรื่องผีปอบในปัจจุบัน

       "สิ่งที่มองไม่เห็น  ใช่ว่าจะไม่มี"                    

     หลาย ๆ คนคงจะเคยได้ยินประโยคนี้กันมาบ้างแล้ว  ส่วนใหญ่จะเป็นความเชื่อในสิ่งที่มองไม่เห็น เช่น เรื่องวิญญาณ  เรื่องไสยศาสตร์  ซึ่งความเชือเรื่องนี้ผูกพันกับชีวิตคนไทยมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

    ในสังคมเมือง ความเชื่อเหล่านี้อาจจะไม่ค่อยพบมากเท่าใดนัก  แต่สำหรับสังคมชนบท ความเชื่อเหล่านี้ก็ยังหยั่งรากลึกอยู่ในใจของหลาย ๆ คน 

   เราเป็นคนหนึ่งที่ยังมีความเชื่อในเรื่องวิญญาณ  แม้ว่าเทคโนโลยีจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น แม้ว่ากาลเวลาจะผันเปลี่ยนไปนานเพียงใดก็ตาม  แต่ความเชื่อนี้ก็ยังคงอยู่และยังคงได้รับการบอกเล่าสืบต่อกันมาเรื่อย ๆ 

    เราเป็นคนต่างจังหวัดและได้มาสร้างครอบครัวอยู่ในภาคอีสาน และได้ยินเรื่องเล่าเกี่ยวกับวิญญาณผีปอบ และในหมู่บ้านที่เราอาศัยอยู่นั้น ก็มีคนที่มีเรียนไสยศาสตร์ คาถาอาคม หรือทำเสน่ห์ให้คนรักคนหลง บางคนก็เลี้ยงวิญญาณปอบเอาไว้ ถ้ารักษาตามคำครูอาจารย์ไว้ไม่ได้  วิญญาณนั้นก็จะเข้าตัวผู้ที่เรียนวิชา ทำให้เขากลายเป็นปอบ  แล้ววิญญาณก็จะบังคับให้คนทำอย่างที่วิญญาณนั้นต้องการ โดยคนที่มีวิญญาณเหล่านี้อยู่ด้วย ก็จะมีการสร้างเพิงเล็ก ๆ ไว้เพื่อให้วิญญาณเหล่านี้ได้พักอาศัยและก็มักจะมีของเซ่นไหว้อยู่เสมอ

    ในวันหนึ่งในฤดูหนาว เราได้ยินเสียงกลองและเสียงแคนเป็นจังหวะสนุก ๆ ลอยตามลมมา  คนที่บ้านบอกว่า เขากำลังเล่นแถนกัน  อยากไปดูไหมล่ะ  (แถน ก็คือดวงวิญญาณ) แต่ว่า..ต้องแขวนพระไปด้วยนะ เพราะไม่รู้ว่าดวงชะตาเรากับแถนในงานจะมีคลื่นตรงกันไหม  กันไว้ดีกว่า

    เราคนวันเสาร์อยู่แล้ว  เรื่องแบบนี้มีหรือจะพลาด  เราก็ได้ไปดูเขาเล่นแถนกันที่ในหมู่บ้าน  พอไปถึงในงาน ก็พบผู้หญิง  ผู้ชายหลายคน กำลังฟ้อนรำกันตามจังหวะกลองอย่างสนุกสนาน ซึ่งเครื่องดนตรีที่ใช้ก็มีแค่ แคน และกลองเท่านั้น โดยเจ้าภาพก็จะจ้างหมอแคนมาเป่าแคนให้ร่างทรงของแถนเหล่านั้นฟ้อนรำตั้งแต่หัวค่ำไปจนถึงเช้าวันใหม่ 

    บริเวณที่จัดพิธี ก็จะมีเครื่องบูชาแถน  มีพวงมาลัยดอกไม้ตกแต่งอย่างสวยงาม มีคนไปร่วมชมเยอะทีเดียว ก็คงเป็นคนที่อยากรู้อยากเห็นเหมือนเรานั่นแหละ เพราะกิจกรรมนี้ไม่ได้มีให้เห็นบ่อย ๆ เพราะในการจัดงานแต่ละครั้ง เจ้าภาพก็ต้องลงทุนไปพอสมควร ทั้งต้องจ้างหมอแคน  ต้องจัดเตรียมสถานที่  อาหารเลี้ยงร่างทรงแถนที่มาร่วมงาน

    สักพักหนึ่ง ก็มีร่างทรงแถนมาเพิ่ม เขาก็มานั่งพนมมือแล้วคนที่อยู่ก่อนหน้านั้นก็มาร่ายคาถาอันเชิญดวงวิญญาณเข้าสิงในตัวของคนที่มาใหม่  นั่งต่อไปสักพัก  คนที่มาใหม่ก็เริ่มตัวสั่น และสั่นรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ รอจนกระทั่งมีวิญญาณเข้ามาสิงในตัวเขาแล้ว  ทุกคนที่อยู่รอบข้างก็ถามข้อมูลเบื้องต้นของดวงวิญญาณนั้น แล้วจึงชวนกันออกไปฟ้อนรำอย่างมีความสุข ท่ามกลางเสียงเชียร์ของผู้ชมที่อยู่รอบ ๆ เป็นบรรยากาศที่คึกคักพอสมควร

    ในตอนนั้น เรารู้สึกแอบกลัวอยู่ เพราะไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ความแปลกมันอยู่ตรงที่เราเห็นยายคนหนึ่ง ซึ่งปกติแกเดินหลังค่อมและต้องใช้ไม้เท้าช่วยพยุงตัวเวลาเดินตลอด  แต่หลังจากที่เชิญวิญญาณเข้าในร่างแล้ว  ยายแกสามารถเดินหลังตรงและไปฟ้อนรำกับเพื่อน ๆ อย่างมีความสุข  และพออันเชิญแถนออกจากร่างของยายคนนั้นแล้ว  แกก็กลับมาเดินหลังค่อมเหมือนเดิม  เราก็ทึ่งมาก คิดเลยว่า "สิ่งที่ไม่เห็น ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มี"

    กิจกรรมรำของบรรดาแถนก็ดำเนินไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเช้าวันใหม่  พวกเขาก็พากันไปเล่นน้ำที่อ่างเก็บน้ำในหมู่บ้าน  จากนั้นก็อันเชิญดวงวิญญาณเหล่านั้นกลับไปที่เดิมของเขา แล้วกิจกรรมก็จบลงอย่างสมบูรณ์

    เรายังมีอีกเรื่องหนึ่งที่เราเจอมากับตัวเองเลย  ช่วงที่เราตั้งท้องลูกคนแรกจนกระทั่งวันที่ใกล้จะคลอด  ในวันนั้นเราก็ไปทำงานตามปกติ  กลับมาถึงบ้าน ย่าเล่าให้ฟังว่า มียายแก่คนหนึ่งเขาแวะมาทักทาย  มาคุยเล่นอยู่ตลอดช่วงบ่ายเลย ทั้ง ๆ ที่ยายคนนี้ไม่เคยเข้ามาบ้านเราเลย แล้วเราก็ไม่ได้รู้จักกับแกด้วย  

    ในตอนนั้นเราก็ไม่ได้คิดอะไร  แต่พอช่วงประมาณ สามทุ่มเท่านั้นแหละ เราก็ลงไปปิดรั้วบ้าน แล้วขึ้นมาบนบ้าน  เท่านั้นแหละ  น้องหมาที่เลี้ยงไว้ก็จ้องไปที่ถนนหน้าบ้านแล้วก็เห่าเสียงดังมาก เหมือนกับว่ามีอะไรอยู่ตรงหน้าบ้าน  แล้วน้องก็เห่านานมาก  นานจนเราทนไม่ไหว  เราก็ไปดูที่หน้าต่าง ก็มองไม่เห็นอะไรเลย  แต่น้องหมาก็ยังไม่หยุดเห่า  คนในบ้านก็เลยคุยกันว่า น่าจะเป็นผีปอบมาตามกลิ่นเลือด เพราะว่าวันพรุ่งนี้จะครบกำหนดคลอดแล้ว  ตอนบ่ายก็คงจะมาดูลาดเลาเอาไว้ก่อน

    โชคดีที่ภูมิบ้านเราแข็ง สิ่งชั่วร้ายต่าง ๆ ก็เลยเข้ามาทำร้ายคนในบ้านไม่ได้ ทำให้เราเดินทางไปคลอดในเมืองได้อย่างปลอดภัย  

    หลังจากนั้นเรากลับมาบ้านพร้อมลูกน้อย ตั้งแต่วันนั้น ก็ยังไม่เคยเห็นยายคนนั้นแกมาที่บ้านเราอีกเลย  

    นี่แหละเป็นประสบการณ์ที่เราประสบด้วยตัวเอง แม้ว่าจะมองไม่เห็น แต่ก็ระวังไว้ก็ดี เพราะสิ่งเหล่านี้สามารถสืบทอดกันได้ตามสายเลือด ลูกหลาน ถ้าคนที่จิตใจไม่เข้มแข็ง ก็อาจจะถูกสิ่งเหล่านี้ครอบงำได้

    หมั่นสวดมนต์ภาวนา  บุญกุศลจะได้คุ้มครองเราให้รอดพ้นจากภัยอันตรายที่เรามองไม่เห็นนะทุกคน    

    "ไม่เชื่อ  แต่อย่าลบหลู่"